วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

9 วิธีการแต่งห้องน่ารัก

9 วิธีการแต่งห้อง


1. โปร่ง โล่ง สบาย
ก่อน อื่นจะไปแต่งห้องให้สวยเราก็ต้องทำห้องให้เรียบร้อยเสียก่อน อันที่จริงแล้วข้อนี้เราไม่จำเป็นต้องแนะนำเลยก็ได้ เพราะทุกคนต้องการความโล่ง สะอาดตา สามารถจัดได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่ข้อแนะนำที่เราอยากบอกเล็กๆ น้อยๆ ก็มีอยู่ว่า ทุกอย่างที่อยู่ในห้องกวาดลงกล่องให้หมด เหลือแต่เฟอร์นิเจอร์ เพียงปัดฝุ่นจัดวางใหม่ให้เรียบร้อย แล้วคุณจะมองเห็นอะไรบ้างอย่างในห้องอย่างที่ไม่เคยเห็น แล้วเวลานั้นค่อยนำสิ่งที่กวาดลงกล่องมาจับวางเพียงชิ้นสองชิ้น จะทำให้เรารู้ว่าสิ่งไหนคือขยะและสิ่งไหนคือของแต่งบ้าน

2. ตู้จดหมายสีหวาน
ตู้ จดหมายเป็นสิ่งแสดงการติดต่อสื่อสาร และการรอคอยในภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ลองนำตู้จดหมายมาพ่นสีใหม่แบบสีพาสเทลหวาน ที่บอกถึงความโรแมนติก การผจญภัย และจินตนาการสุดโลกของคุณไว้ในตู้จดหมาย เชื่อเถอะว่าใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องมองด้วยรอยยิ้มอย่างแน่นอน


3. แมวหัวบันได
นี่คือของแต่งบ้านยอดนิยมในยุค 80 แมวหัวกระได ทำไมต้องหัวกระไดไม่มีใครตอบได้ แล้วทำไม
ต้อง เป็นแมวก็ไม่รู้ (สงสัยคนคิดคนแรกจะเบื่อสิงห์เฝ้าบันได ก็เลยเปลี่ยนเป็นแมวหรือเปล่า) เรารู้แต่เพียงว่ามันน่ารัก และเดี๋ยวนี้แมวก็ไม่ได้อยู่หัวกระไดที่เดียวแล้ว แมวอยู่ในทุกๆ ที่ที่เจ้าของอยากให้อยู่ บนชั้นวางของ ชั้นหนังสือ ริมสระน้ำ (เอาไว้แกล้งปลา) หรืออยู่ในใจคุณ (อูย...นั่นชื่อน้องแมว) แล้วก็ไม่ได้มีแต่แมวเพียงอย่างเดียว ยังมีสุนัข ไก่ และกบ ในอิริยาบถต่างๆ วางขายทั่วจตุจักร ลอง

4. หนังสือแต่งบ้าน
ยา นอนหลับและยากล่อมประสาทขนานแรงที่สุดเท่าที่มีในบ้าน ระดับความแรงของยาและฤทธิ์ที่ออกขึ้นอยู่กับประเภทของหนังสือ ถ้าเป็นหนังสือตำราเรียน แค่เห็นตัวเลขบทที่ 1 เราก็หลับได้ ส่วนนิยายเรื่องโปรดจะออกฤทธิ์กล่อมประสาทว่าเราเป็นเจมส์ บอนด์ ออกล่า แวมไพร์ ทไวไลต์ โชว์ แทน อย่างไรก็ดีหนังสือนอกจากมี
คุณเสริม ความรู้แล้ว ยังให้คุณในการแต่งบ้าน เสริมภูมิให้เจ้าของบ้านดูดีในสายตาแขกผู้มาเยี่ยมเยือน ลองคุณไม่มีหนังสือในบ้านสักเล่มสิ แขกรับเชิญจะได้คิดว่า บ้านนี้ไม่อ่านหนังสือหนังหาบ้างเลยหรือไร
5. เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์
สิ่ง ที่ทำได้มากกว่า 1 มักจะได้รับคำชมและความนิยมเสมอ เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ที่เป็นได้มากกว่า 1 อย่างโซฟาสามารถปรับเอนเป็นที่นอน สตูลวางเท้าใช้เป็นที่เก็บของได้ สิ่งเหล่านี้เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความอเนกประสงค์ใน พื้นที่จำกัด ลองหาซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบนี้ไว้ใช้งาน และเราจะรู้สึกชีวิตมีลูกเล่นอีกเพียบ

6. บ้านนก
เอา ละเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากนกกระจิบมาทำรังที่หน้าต่างห้องนอน ก็เลยนึกขึ้นได้ว่านกเป็นสิ่งบ่งชี้ความสมบูรณ์ของป่าและธรรมชาติ หากเรามีนกอยู่ในบริเวณบ้าน ก็น่าจะช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับตัวบ้านได้มากขึ้น ระวังเรื่องหวัดนกให้ดีๆ ก็พอ





7. ภาพเล่าเรื่องราว
เรา ทุกคนต่างมีเรื่องราวการเดินทางของตัวเองเสมอ และภาพคือสิ่งที่เล่าเรื่องราวเหล่านี้ได้ดีที่สุด ลองนำภาพการเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ของคุณติดไว้ตามที่ต่างๆ ของบ้าน ไล่เรื่องราวตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน จะทำให้แขกทุกคนรู้จักความเป็นตัวตนของคุณมากยิ่งขึ้น แล้วอย่าลืมปล่อยภาพหลุดออกมาบ้างละ อย่างภาพสวีตริมสระน้ำหลังบ้าน หรือภาพเปิ่นๆ จะช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของเราดูเป็นธรรมชาติน่าคบหามากขึ้น

8. แต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่น
รู้ นะว่าทุกคนมีคำถามก็คือ ทำไมต้องสไตล์ญี่ปุ่น ทำไมไม่เป็นแบบไทย ก็แบบไทยน่ะหาแต่งยาก แล้วรบกวนสไตล์แต่งโทนหลักของบ้านอย่างรุนแรง ส่วนสไตล์ยุโรปก็ราคาแพง ดังนั้นแนวเอเชียอย่างจีน หรือ ญี่ปุ่น น่าจะเหมาะสำหรับการแต่งบ้านในยุคปัจจุบัน เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นแนวการแต่งบ้านในพื้นที่เล็ก รวมทั้งมีราคาไม่แพงอีกด้วย

แล้วอะไรล่ะที่เรียก ว่าการแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ลองหาซื้อของแต่งบ้านที่ร้าน 60 บาทดูสิรับรองมีครบ สิ่งสำคัญของสไตล์ญี่ปุ่นก็คือเน้นน้อยชิ้น และเคลื่อนย้ายได้ง่าย และที่ขาดไม่ได้คือไม้ไผ่

9. ตู้บิลด์อิน
ตู้ เสื้อผ้าแบบบิลด์อินคงเป็นของแสลงสำหรับนักแต่งบ้านสไตล์คลาสสิกและคอนเทมโพ รารีเป็นอย่างยิ่ง ไม่เป็นไรหากคุณมีบ้านเนื้อที่ 4 ไร่ แต่สำหรับคนที่มีเนื้อที่บ้านไม่พอเก็บไม้กอล์ฟ 4 ชุด ของเล่นสะสมที่ไม่อยากให้ภรรยารู้ เรายังคงแนะนำว่าบิลด์อินคือคำตอบที่ดีที่สุด ลองนึกดูสิว่าสิ่งที่ดูเหมือนผนังธรรมดา สามารถกดเลื่อนเปิดเป็นตู้เก็บสารพัดรองเท้าและของใช้รกๆ ของคุณได้เป็นอย่างดี








ศิลปะโรโคโค

ศิลปะโรโคโค


ศิลปะโรโคโค (ภาษาอังกฤษ:Rococo) หรือบางครั้งก็เรียกกันว่า "ศิลปแบบหลุยส์ที่ 14" (Louis XIV Style) ศิลปโรโคโคเริ่มพัฒนามาจากศิลปฝรั่งเศส และการตกแต่งภายในเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 18 ห้องที่ออกแบบแบบโรโคโคจะเป็น เอกภาพ คือทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ไม่ว่าจะเป็นผนัง เฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องประดับ จะออกแบบเพื่อให้กลมกลืนกันอันหนึ่งอันเดียวกันมิใช่จะอิสระต่อกัน คือไม่มีสิ่งใดในห้องนั้นที่นอกแบบออกมา ภายในห้องจะมีเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหราและอลังการ รูปปั้นเล็กๆแบบประดิดประดอย ภาพเขียนหรือกระจกก็จะเป็นกรอบลวดลาย และพรมแขวนผนัง ที่ถ้าแยกอะไรออกมาก็จะทำให้ห้องนั้นไม่สมบูรณ์แบบ ศิลปโรโคโคมาแทนด้วยสถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิค


คำว่าโรโคโคมาจากคำสองคำ ผสมกัน คำว่า rocaille จากภาษาฝรั่งเศส ซึ่งหมายถึงศิลปะการตกแต่งที่ใช้ลวดลายคล้ายหอยหรือใบไม้ และคำว่า barocco จากภาษาอิตาลี หรือที่เรียกว่า ศิลปะบาโรก ศิลปินโรโคโคจะนิยมเล่นเส้นโค้งตัวซีและตัวเอส (S และ C curves) แบบเปลือกหอย หรือการม้วนต้วของใบไม้ เป็นหลัก และจะเน้นการตกแต่งประดิดประดอย จนทำให้นักวิจารณ์ศิลปะค่อนว่าเป็นศิลปะของความฟุ้งเฟ้อและเป็นเพียงศิลปะ สมัยนิยมเท่านั้น คำว่าโรโคโคเมื่อเริ่มใช้เป็นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1836 เป็นภาษาพูดที่หมายความว่า โบราณล้าสมัย แต่พอมาถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 คำนี้ก็เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปโดยนักประวัติศาสตร์ศิลปะ ถึงจะมีการถกเถียงกันถึงความสำคัญของศิลปะลักษณะนี้ โรโคโคก็ยังถือกันว่าเป็นสมัยของศิลปะที่มีความสำคัญสมัยหนึ่งในประวัติ ศาสตร์ศิลปะตะวันตก



ศิลปโรโคโคเริ่มขึ้นจากศิลปะการตกแต่งและศิลปะการตกแต่งภาย ใน ในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส เมื่อปลายรัชสมัยการตกแต่งอย่างหรูหราแบบโรโคโคก็เริ่มเบาขึ้น มีเส้นโค้งมากขึ้น และลวดลายเริ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้น ลักษณะเช่นนี้จะเห็นชัดได้จากผลงานของ นิโคลัส พินเนอ (Nicholas Pineau) ระหว่างสมัยรีเจนซ์ (Régence) ชีวิตราชสำนักก็เริ่มย้ายออกจากพระราชวังแวร์ซายส์ โรโคโคก็มีรากฐานมั่นคงขึ้นโดยเริ่มจากงานในวังหลวงแล้วขยายออกมาสู่งาน สำหรับชนชั้นสูง ลักษณะอ่อนไหวและขึ้เล่นของโรโคโคทำให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ ของรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15


พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 (พระนามเมื่อแรกเกิดคือ หลุยส์ ดยุคแห่งอองชู Duke de Anjou)


พระราชวังแวร์ซายส์

พระราชวังแวร์ซายส์ (ภาษาฝรั่งเศส: Château de Versailles) เป็นพระราชวังหลวงแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่เมืองแวร์ซายส์ ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของมหานครปารีส พระราชวังแวร์ซายส์เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งของโลก และนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน


ราวประมาณปี ค.ศ. 1730 เป็นระยะที่ศิลปโรโคโครุ่งเรืองที่สุดในประเทศฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมลักษณะนี้เริ่มเข้าไปมีอิทธิพลต่อศิลปะแขนงอื่นๆด้วย เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม และ เฟอร์นิเจอร์ จะเห็นได้จากงานของ ฌอง อองตวน วัตโตว์ (Jean-Antoine Watteau) และ ฟรองซัวส์ บูแชร์ (François Boucher) ศิลปโรโคโคยังรักษาลักษณะบางอย่างของศิลปบาโรกเช่นความซับซ้อนของรูปทรง (form) และความละเอียดลออของลวดลาย แต่สิ่งที่โรโคโคจะแตกต่างกับบาโรกคือจะผสมผสานลักษณะอย่างอื่นเข้ามาด้วย รวมทั้งศิลปะจากทางตะวันออกโดยเฉพาะจากจีนและญี่ปุ่น และองค์ประกอบจะขาดความสมดุล (asymmetric)

ศิลปินสมัยโรโคโค

ฌอง อองตวน วัตโตว์























ฌอง อองตวน วัตโตว์ (Jean-Antoine Watteau) 10 ตุลาคม พ.ศ. 2227 (ค.ศ. 1684) – 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2264 (ค.ศ. 1721) เป็นจิตรกรชาวฝรั่งเศสของ “ชนชั้นสูง” (fêtes galantes) อองตวน วัตโตว์เป็นหนึ่งนักวาดภาพร่างยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของศิลปะยุโรป













ภาพวาด “การเริ่มดำเนินการสำหรับไซเธอรา ” เป็นงานที่อองตวน วัตโตว์ได้รับความเป็นสมาชิกราชสถาบันศิลปะ (royal academy) เต็มตัวในพ.ศ. 2260 (ค.ศ. 1717) มันสร้างสร้างชื่อให้เขาว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญของชนชั้นสูง” เป็นผู้บันทึกเหตุการณ์เศร้าโศกและแปลกประหลาดในวันของเขา ไม่นานก่อนความตายของเขา วัตโตว์วาด “พินัยกรรมทางศิลปะ” ของเขา ป้ายร้านของเชร์แซ็งต์(L'Enseigne de Gersaint, Gersaint’s Sign Shop) ซึ่งเป็นหนึ่งในภาพวาดสุดท้ายของวัตโตว์


ฟรองซัวส์ บูแชร์ (François Boucher)





































Le Dejeuner โดยบูแชร์แสดงให้เห็นองค์ประกอบชีวิตของภาพเขียนแบบโรโคโค (ค.ศ. 1739, พิพิธภัณฑ์ลูฟร์)




Diana Leaving her Bath โดย ฟรังซัวส์ บูแชร์




คิวปิดแกะลูกศรจากกระบองของเฮอร์คิวลีส โดย ประติมากรเอ็ดเม บูชาดอง (Edmé Bouchardon)







ประติมากรรมชื่อ ปิเอตา ( Pieta )

ผลงานของ มิเคลันเจโล (Michelongelo Buonarroti)

แสดงคุณค่าด้านความงามขององค์ประกอบศิลป์ที่จัดไว้ในแนวกรอบของรูปสามเหลี่ยม
ซึ่งเป็นการจัดองค์ประกอบศิลป์ที่นิยมกันมากในผลงาน ศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา
(Renaissance) นอกจากนั้นยังแสดงความงามของแนวเส้นโค้งของพระเศียรพระแม่มาเรีย
ที่ก้มพระพักตร์ลงกับแนวเส้นโค้งของพระวรกายองค์พระเยซูที่นอนพาดอยู่บนตัก
อย่างงดงามกลมกลืน ได้คุณค่าทางอารมณ์ความรู้สึกเป็นอย่างดี ทำให้มองเห็นถึงความรู้สึกของแม่
ผู้มีความรักความผูกพันต่อลูก รวมทั้งยังได้คุณค่าสาระทางด้านศาสนาอีกด้วย

ตุ๊กตาเกาหลี

ตุ๊กตาเกาหลี

Pullip คือ ตุ๊กตาที่บริษัทเกาหลี Chunsang Chunha ออกแบบและถูกทำตลาด JUN Planning ของญี่ปุ่น เริ่มวางขายในปี 2003และด้วยข้อแตกต่างของหัวขนาดใหญ่ของเธอ (เหมือนได้แรงบัลดาลใจอย่างมากจากตุ๊กตา Blythe ที่เป็นที่นิยม) และ ร่างกายที่เป็นข้อต่อ นอกจากนี้ Pullip ยังมีกลไกตาที่มีเอกลักษณ์ที่ทำให้ตาของเธอขยับที่ไปมา และการขยิบตาผ่าน อุปกรณ์ควบคุมบนด้านหลังของหัว ตุ๊กตาแต่ละตัวเอกลักษณ์เฉพาะตัว และอุปกรณ์ประกอบต่างๆแตกต่างกัน ที่ต่อมามีการ์ดของแต่ละตัวและแท่นสำหรับให้ยืนให้ด้วย Pullip มี body มา 3 แบบแล้ว โดยที่รุ่นแรกๆ เป็น boby แบบ Marmit-type (บางคนเรียก body type 1) ที่เห็นน๊อตอย่างชัดเจน ตุ๊กตา 3 ตัวแรก (Moon, Street and Wind) มีคอที่ไม่แข็งแรงหักง่าย
ทำให้มีการปรับปรุงการผลิตต่อๆมา เริ่มจากในเดือนธันวาคม ปี 2003 มีการวางขาย Venus ซึ่งมี body แบบยางนิ่ม(บางคนเรียก body type 2)

ไม่ เห็นน็อต และข้อต่อที่สามารถดึงออกได้บางส่วน อย่างไรก็ตามเมื่อมีการวางขาย Lan Ake และ Lan Ai ในปี 2005 ก็มีการผลิต body ใหม่ขึ้นที่ทำด้วยพลาสติกแข็งและข้อมือพับได้(บางคนเรียก body type 3) ตั้งแต่ Arietta วางขายในเดือนมีนาคม 2004

ตุ๊กตา ทั้งหมดก็ใส่วิกตรงข้ามกับรุ่นแรกๆที่ผมเป็นแบบ rooted hair(เกิดจากรากผม) จากปีแรก(2003) ถึงปัจจุบัน จำนวนการผลิดรุ่นพิเศษของร้านค้าในสิงคโปร์และญี่ปุ่นก็มีมากเหมือนกับรุ่น ที่ขายโดย Jun Planning ในปีนี้(มกราคม 2007) ก็มีการผลิตรุ่นพิเศษของอเมริกา คือ Haute





lumi doll

Lumi doll เป็นตุ๊กตาอีกรุ่นของ Ball Jointed Dolls หรือตุ๊กตาแบบที่มีข้อต่อที่ขยับได้หลายท่า เป็นตุ๊กตาสัญชาติเกาหลี ผลิตโด ยบริษัท Latidoll อาจแตกต่างจากตุ๊กตาทั่วไปตรงที่ไม่ได้ทำมาจากพลาสติก แต่ทำจากวัสดุโพลียูรีเทน (Po l yur ethane) ซึ่งมีความทนทาน ความยืดหยุ่น เนื้อของตุ๊กตาจะคล้ายๆ กับเรซิ่นเกรดดี มีความเงางามในตัว แลดูเสมือนคนจริงๆ ที่สำคัญใช้แรงงานคนในการผลิต เพราะมีข้อต่อเยอะ อีกทั้ งยังต้องขัดแต่งส่วนประกอบต่างๆให้สมบูรณ์ ก่อนจัดส่งให้ลูกค้า ทำให้ต้องใส่ใจกับรายละเอียดต่างๆ ค่อนข้างมาก ดังนั้น Lumi doll จึงมีราคาแพงกว่าตุ๊กตาปกติทั่วไป เนื่องจากเป็นงานแฮนด์เมด
Lumi doll มีให้เลือกหลายรุ่น หลายแบบ หลายสไตล์ มีลักษณะเป็นตุ๊กตาแก้มป่อง ตากลมโต รูปร่างสมส่วน สีหน้าและแววตาแสดงความรู้สึกบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี สามารถตกแต่งได้ทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า ใบหน้า วิกผม รองเท้า และมีเครื่องประดับมากมายให้แ ต่ง ตัวตุ๊กตากันได้ไม่เบื่อ เช่นถุงน่อง รองเท้า หมวก ก็ปรับเปลี่ยนตามแต่ใจเราต้องการ ที่สำคัญสามารถเปลี่ยนสีตาได้มากกว่า1 สี

ทั้งนี้ Lumi doll ยังมีฝาแฝดอีกหนึ่งตัวคือ Lami Doll
โดย Lami และ Lum i มีความแตกต่างกันที่ Lami จะดูออกแนวเข้มแข็ง เป็นสาวสปอร์ตเกิร์ล ชอบออกกำลัง กาย ดูเป็นสาวร่าเริงสดใจ มีเพื่อนเยอะ ในขณะที่ Lumi จะดูบุคลิกเป็นเด็ กเงียบๆ เรียบร้อย หน้าตาอ่อนโยน รักสันโดษ ชอบของสวยงาม ออกแนวคุณหนู มีความสา มารถทางด้านศิลปะ ชอบสะสมเครื่องประดับ เครื่องสำอาง และของสวยๆ งามๆ อย่างไรก็ ตาม Lami และ Lumi เอง ต่างก็เป็นตุ๊กตาในซีรี่ส์ Yellow ของบริษัท Latidoll ซึ่งผลิตตุ๊กตาข้อต่อขึ้นมาทั้งหมด 6 ซีรี่ส์ด้วยกันดังนี้ คือ White, Yellow, Orange, Green, Blue และ Red เรียงตามลำดับช่วงอายุของ คนดังนี้


White จะเป็นช่วงเด็กน้อยเบบี๋



Yellow เป็นช่วงอายุของเด็กน้อยราวๆ 5-7 ขวบ


Orange ก็จะเป็นช่วงประถมปลาย



Green จะเป็นช่วงมัธยมต้น


Blue จะเป็นช่วงมัธยมปลาย




Red ก็จะเป็นวัยหนุ่มสาวเต็มตัว